ตอนที่ 2: ไปเกาะเพราะอยากไปนอนโง่ๆบนเกาะ
หลังจากเช็คเอ้าท์จาก The Hidden resort ก็ขอให้ทางน้องรีเซฟชั่นจองแท๊กซี่และเรือให้เลย น้องจัดการเป็นธุระให้ดีมาก ค่าแท๊กซี่ และค่าเรือไปเกาะต่อคนคือ 100+350 บาท ตอนเข้ามีรถมารับถึงโรงแรมเลยทั้งนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปเกาะอะไรยังไง ให้เช็คเที่ยวเรือกก่อนทุกครั้ง ที่โรงแรมมีตารางการออกเรือให้ดู เราจะได้วางแผนถูกว่าจะไปเรือรอบไหน เช็คเอ้าท์กี่โมง
เมื่อถึงท่าเรือเค้าแจ้งว่าให้เราไปรอที่เล้าจ์ ของโรงแรมได้เลย ใช่แล้ว โรงแรม The Blue Sky Resort มีเล้าจ์ที่ท่าเรือด้วย ชื่อ "the blue mongkey" ก็ไม่ได้หรูหราอะไร เป็รร้านนั่งคอย แต่ที่สำคัญตรงนี้เราแจ้งเค้าให้มารับที่ท่าเรือเพื่อไปที่โรงแรมเมื่อถึงเกาะได้
|
หน้าตาท่าเรือเมื่อเราไปถึง |
|
มองหาป้ายนี้ อยู่ทางซ้ายของท่าเรือ |
ในช่วงท่องเที่ยว จะมีเรือข้ามเกาะ ทุกๆครึ่งชั่วโมง เรือสปีดโบ้ท ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ซึ่งไวสุดแล้ว แต่ช่วงหน้ามรสุม เรือจะออกไม่เป็นเวลา และบางครั้ง ไม่ออกเรือ ถ้าคิดว่าคลื่นลมแรง ดังนั้น ไม่ไหว อย่าฝืน !!
พอถึงที่เกาะ ก็ว้าวววววววอยู่ น้ำอาจจะไม่ได้สวยมากเพราะไม่ใช่หน้าน้ำสวย แต่ที่พักก็สวย และน่าจะสวยสุดแล้วบนเกาะนี้ 5555
|
วิวจากด้านร้านอาหารโรงแรม |
|
ด้านในส่วนที่เป็นวิลล่า ด้านหลังห้องจะเชื่อมกะอ่าวส่วนตัว |
จะบอกเลยว่า ช่วงหน้าโลว์ที่ไม่ค่อยมีคนมาพัก ที่นี่สงบ และดีมาก ไม่อยากเดาว่าหน้าไฮจะวุ่นขนาดไหน เพราะเห็นทางโรงแรมบอกว่า เต็มยาวๆหลายเดือน เราได้พักห้อง R13 ซึ่งลึกและไกลที่สุดในโซนมัลดีฟ สงบดี เชื่อไหมว่าอยากนอนทั้งวัน นอนยาวๆ ว่างก็ออกมาว่ายน้ำหลังห้อง ที่นี่หลังสามโมงน้ำจะขึ้น เราสามารถพายเรือคายัคเข้ามาตามแนวคลองได้ เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เป็นบริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
|
ไม่เคยพายก็ต้องมาลอง เข้าพงไปก็ว่ากันไป |
เราตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซด์ เพื่อการเที่ยวบนเกาะ ซึ่งโอเคมาก เพราะโชคดีที่ฝนไม่ตก บนเกาะนี้ ไม่มีรถใหญ่วิ่ง ดังนั้น หากอยากไปตามที่ต่างๆ ต้องใช้มอเตอร์ไซด์
|
แผนที่หาดต่างๆบนเกาะ ขี่ไปเที่ยวได้ หาข้าวกินได้ แผนที่นี้ โรงแรมมีแจก |
การขี่รถเที่ยวบนเกาะ สามรถใช้กูเกิ้ลได้ แต่ไม่ได้แม่นยำนัก อาจจะด้วยเรื่องสัญญานและการวางหมุดที่ยังไม่ถูกต้อง แต่ไม่ต้องกลังหลงนะ มันไม่ได้ไกลและลึกลับอะไรมาก แต่ถ้าจะระวังให้ระวัง อ่าวที่คลื่นลมแรงและสัตว์มีพิษดีกว่า
|
วิหารกลางน้ำ |
|
หินทะลุ |
|
ฮิปปี้บาร์
จะบอกว่าการพยายามเที่ยวให้ทั่วเกาะอาจจะเป็นไปได้ด้วยการเที่ยวให้หมดภายในวันเดียว แต่คงเหนื่อยน่าดู นี่ว่า น่าจะแบ่งๆเที่ยว ตอนที่ไปหาดแต่ละหาด ก็สวยอยู่น่าถ่ายรูป แทบจะเป็นหาดส่วนตัวเลยเพราะไม่มีคน สอบถามชาวบ้านแล้ว เค้าบอกว่าหน้ามรสุม คนจะทิ้งบ้านไปทำงานในเมือง พอหน้าเที่ยวถึงจะกลับมาเปิดผับเปิดบารื เปิดบ้านอีกครั้ง ดังนั้นหนนนี้ที่ไป ไม่มีการเที่ยวแบบมอมเมา เพราะปิดหมด
สิ่งที่ต้องรู้สำหรับเกาะพยายามคือ อาหารแพงมาก อาหารตามสั่งจานละร้อยคือค่าเฉลี่ย อาหารที่โรงแรมไม่ต้องพูดถึง ร้านอาหารไม่ได้มีมากมาย ถ้าจะแนะนำ ก็แนะนำส้มตำแม่ไก่ ใครๆก็รู็จัก อร่อยอยู่ ร้านเล็กน้อง ร้านขายของจิปาถะก็มีไม่มาก แต่ก็หาซื้ออะไรได้อยู่
สำหรับการข้ามมาบนเกาะ เวลาที่ใช้ไปส่วนใหญ่ คือการอยู่ที่โรงแรม นอนนนนน เพราะมันเป็นสิ่งที่ตั้งใจ เผลอแปปเดียว หมดเวลาแล้ว ก็ต้องเป็นอันลาก่อนกลับไประนอง ขากลับ ก็สามารถให้ทางโณงแรมจัดแจงได้หมด โดยเสียค่าเรือข้าม 350 กลับไประนอง หรือจะไปต่อ ที่ไหน ก็มีแท๊กซี่บริการแบบต่อเนื่องต่อไปได้เลย
ปล. อาหารทะเลบนเกาะ ไม่เชียร์นะ ราคาแรงเอาเรื่องอยู่ กินปกติไปก่อน กลับไปกินที่ระนอง ยังอาจจะดีกว่า
หลังจากข้ามไประนอง นี่ต้องนั่งรถต่อไปสุราษฯ อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆว่า ขากลับจองจากสุราษ เพื่อบินตรงกลับเชียงใหม่ แต่บอกเลยการนั่งรถจากระนองไปสุราษ โหดมากกกก นานมากกก หลับไปสามตื่นยังไม่ถึงเลย ขอแนะนำว่า อย่าทำตาม บินตรงได้ราคาดีก็จองไป
อีกอย่าง The Blue Sky resort ที่ระนอง มีทั้ง บนฝั่งระนอง และ บนเกาะ ซึ่งเป็นคนละที่กัน เวลาจองให้ดูด้วยนะ มันจะเชียนแตกต่างกันว่า The Blue Sky resort ระนอง กับ The Blue Sky resort เกาะพยายาม ระวังจองผิดอันนะจ๊ะ
จบ
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น